สมาคมเครื่องหนังไทย ร่วมกับ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จัดงานพิธีเปิดสัปดาห์เครื่องหนังไทย Thai Leather Week 2015 ปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี พบขบวนพาเหรดสินค้าเครื่องหนังหลากหลายรายการ จากทัพผู้ประกอบการเครื่องหนังไทย นำสินค้าแบรนด์ดังมากมาย ให้ผู้บริโภคชาวไทยได้เลือกช็อปส่งท้ายปีครั้งยิ่งใหญ่ ในราคาสุดพิเศษ พร้อมโปรโมชั่นลดเต็มพิกัดสูงสุดถึง 80% ระหว่างวันที่ 20 – 29 พฤศจิกายน 2558 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ อาคารแสดงสินค้า 1 - 2 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ถนนรัชดาภิเษกโดยมี นายมาตยวงศ์ อมาตยกุล นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิด
นายมาตยวงศ์ อมาตยกุล นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวในงานพิธีเปิด สัปดาห์เครื่องหนังไทย Thai Leather Week 2015 ว่า “การจัดงานสัปดาห์เครื่องหนังไทยหรือ Thai Leather Week 2015 ในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งงานใหญ่ประจำปีของอุตสาหกรรมเครื่องหนังไทยซึ่งนอกจากจะเป็นการรวมตัวของเหล่าผู้ประกอบการไทยในแวดวงอุตสาหกรรมเครื่องหนังแล้ว ยังได้นำสินค้าเครื่องหนังคุณภาพระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ อุปกรณ์สำนักงาน มาให้ผู้บริโภคไทยได้เลือกซื้อในราคาพิเศษหลากหลายรายการ ซึ่งนับเป็นประโยชน์ในการกระตุ้นให้เกิดการบริโภคในประเทศ รวมทั้งมีส่วนช่วยให้เกิดการซื้อ-ขาย สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ ทำให้สามารถรักษาระดับการเติบโตของธุรกิจเครื่องหนังไว้ได้ และมีโอกาสในการสร้างตลาดในประเทศเพิ่มอีกหนึ่งช่องทาง สำหรับในส่วนของผู้บริโภคก็สามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย คุณภาพมาตรฐานในราคาย่อมเยาอีกด้วย”
ด้าน นายสุริยา ประทีปมโนวงศ์ นายกสมาคมเครื่องหนังไทย กล่าวว่า “งานสัปดาห์เครื่องหนังไทย Thai Leather Week 2015 ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กิจกรรมอื่นๆ ที่สมาคมได้ดำเนินการไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถือเป็นของขวัญชิ้นสำคัญสำหรับโอกาสส่งท้ายปีให้กับผู้บริโภคได้พบกับขบวนพาเหรดสินค้าเครื่องหนังหลากหลายรายการ ที่คัดสรรมาจากผู้ประกอบการไทยให้ได้เลือกซื้อกันอย่างมากมาย ทั้งผลิตภัณฑ์กระเป๋า รองเท้า อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องประดับ และเฟอร์นิเจอร์เครื่องหนัง อาทิ Albedo (อัลเบโด), Devy (เดวี่),Paragon (พารากอน), Eleganza (เอเลแกนซ่า), Urbanice (เออบาไนซ์), Michael Angelo (ไมเคิล แองเจโล), LAMBS (แลมป์), St.James& Trend (เซนต์ เจมส์ แอนด์ เทรนด์) และ Carlo Tomeo (คาร์โล่ โทมีโอ้) เป็นต้น รวมถึงได้เตรียมกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนกิจกรรมบนเวทีต่างๆ อีกมากมาย โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 25,000 คน และมียอดจำหน่ายตลอด 10 วัน ประมาณ 20 ล้านบาท”